Categories
บทความ

เลื่อยมีกี่ประเภท

เลื่อยมีกี่ประเภท?

เลื่อย (SAW) คือ เครื่องมือพื้นฐานสำหรับงานช่าง ที่ใช้เลื่อยตัดชิ้นงานต่าง ๆ ปัจจุบันมีเลื่อยมากมายหลายประเภท การเลือกซื้อเลื่อยให้เหมาะสมกับการใช้งานจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย เพราะอาจใช้งานเครื่องมือผิดประเภทได้ บทความนี้เล่านถึงเลื่อยที่นิยมใช้ในกันทั่วไป 8 ประเภท

1. เลื่อยลันดา (HAND  Saw)

เราจะเห็นเลื่อยชนิดนี้บ่อยที่สุด เป็นเลื่อยที่มีมือจับตอนโคน มีขนาด 22 นิ้ว และ 24 นิ้ว ใช้สำหรับงานตัดไม้ ตัดขวางเนื้อไม้ เพื่อให้เกิดรอยตัดที่เรียบ หรือตัดตามแนวยาวของเนื้อไม้ ใบเลื่อยทำมาจากใบเหล็กสปริงแผ่นบางปลายเรียว โดยมีความยาวของใบเลื่อยให้เลือกใช้งานตั้งแต่ 14 – 28 นิ้ว ตามขนาดของหน้างาน



2. เลื่อยลอ (Dovetail Saw)

เลื่อยลอ เป็นเลื่อยที่ทำด้วยเหล็กแบนบาง แต่แข็งมีลักษณะคล้ายเลื่อยสันแข็ง แต่งกันที่ด้ามจับซึ่งเป็นด้ามยาว เลื่อยลอมีหน้าที่บากปากไม้ เพื่อทำเดือยเข้าไม้แบบต่าง ๆ และงานไม้ที่ต้องการความปราณีตเป็นพิเศษ ฟันเลื่อยมีทั้งชนิดหยาบและละเอียด ใบเลื่อยกว้าง 2.5 นิ้ว ความยาว 8 นิ้ว, 10 นิ้ว, และ 12 นิ้ว


3.เลื่อยฉลุ (Coping Saw)

เลื่อยฉลุ นิยมใช้ทำงานประดิษฐ์ของนักเรียน ใช้กับงานไม้ เหมาะสำหรับ
ตัดโค้ง ทำลวดลาย เวลาใช้งานต้องขึงใบเลื่อยกับด้ามและคันเลื่อยให้ตึง ใบเลื่อยมีขนาดค่อนข้างเล็กมากเหมือนเส้นลวด มีความอ่อนตัว เหมาะกับชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่ ไม่หนามากนัก



4.เลื่อยตัดเหล็ก (Hack Saw)

เลื่อยตัดเหล็ก เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตัดเหล็ก มีลักษณะคล้ายเลื่อยฉลุ
แต่คันเลื่อยโค้งไม่มาก การใช้งานส่วนใหญ่จะใช้ตัดโลหะทั่วไป อาทิ ตะปู น็อต สกรู เหล็กฉาก หรือท่อพีวีซี ใบเลื่อยมีลักษณะเป็นแถบยาว ปลายใบเลื่อยทั้ง 2 ข้างติดกับปลายโคนคันเลื่อย ขนาดยาวตามมาตราฐาน 12 นิ้ว เหมาะสำหรับที่ที่มีพื้นที่จำกัด สามารถเปลี่ยนใบเลื่อยได้



5. เลื่อยหางหนู (Walboard Saw)

เลื่อยหางหนู หรือ เลื่อยฉลุฝ้า ใช้เลื่อยชิ้นงานเป็นแนวโค้ง หรือวงกลมและลวดลายต่าง ๆ ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก สามารถใช้เจาะฝ้า หรือ ผนังยิปซั่มได้ ใบเลื่อยมีขนาดเล็ก โคนใหญ่มีมือจับ ปลายใบเลื่อยเรียว แหลม เล็ก สามารถถอดเปลี่ยนใบเลื่อยได้ นอกจากนี้ยังประยุกต์เป็นเครื่องมือตัดแต่งกิ่งไม้ที่เลื่อยขนาดใหญ่เข้าไม่ถึงได้อีกด้วย



6. เลื่อยคันธนู (Bow Saw)

เลื่อยคันธนู เป็นเลื่อยที่มีลักษณะคล้ายคันธนู เหมาะสำหรับใช้เลื่อยตัดกิ่งไม้ ทั้งไม้สดไม้แห้ง หรือตัดต้นไม้เป็นท่อน ๆ เพื่อการเคลื่อนย้ายสำหรับงานก่อสร้าง มีให้เลือกใช้หลายขนาด ตั้งแต่ 12 นิ้ว , 21นิ้ว , 24 นิ้ว และ 30 นิ้ว



7. เลื่อยโค้งตัดกิ่งไม้ (Pruning Saw)

เลื่อยโค้งตัดกิ่งไม้ ใช้ตัดแต่งกิ่งไม้ ตัดก่อไผ่ ฯลฯ ด้วยลักษณะความโค้งของคมเลื่อยและฟันเลื่อย จึงทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

Cr. https://contractorshop.co.th/th/article-detail.php?IdArticles=9

Categories
บทความ

เลื่อยกับการใช้งานและข้อควรระวัง

เลื่อยกับการใช้งานและข้อควรระวัง

เลื่อย เป็นเครื่องมือที่จำเป็นในหมู่ช่าง ใช้สำหรับตัดไม้ หรือเหล็กให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ ปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย เช่น เลื่อยวงเดือน เลื่อยฉลุ เลื่อยไฟฟ้า เป็นต้น ดังนั้น การเลือกใช้เลื่อยให้เหมาะสมกับงาน และ ข้อควรระวังในเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

เลื่อยมีกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับงานแบบใด

coping_saw

เลื่อยฉลุ (Coping Saw)

นิยมนำมาใช้กับชิ้นงานไม้ ใช้ฉลุไม้ ตัดไม้มุมโค้ง หรือตัดไม้ในมุมแคบ ๆ เพราะใบเลื่อยมีลักษณะบาง เล็ก และคล้ายเส้นลวด การใช้นำไปงานจึงต้องขึงใบเลื่อย กับด้ามจับให้ตึงก่อนใช้งานทุกครั้ง และเมื่อใช้งานเสร็จควรแยกใบเลื่อยออกก่อนจัดเก็บเข้าที่

hack_saw

เลื่อยตัดเหล็ก (Hack Saw)

เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตัดเหล็ก จะมีลักษณะคล้ายกับเลื่อยฉลุ ใบเลื่อยเป็นแถบยาว ปลายทั้งสองข้างติดกับคันเลื่อย มีความยาวตามมาตรฐาน 12 นิ้ว สามารถถอดเปลี่ยนใบเลื่อยได้ ส่วนใหญ่จะใช้ตัดโลหะทั่ว ๆ ไป เช่น น็อต ตะปู เหล็ก หรือท่อพีวีซี เป็นต้น

bow_saw

เลื่อยคันธนู (Bow Saw)

เป็นเลื่อยที่มีลักษณะคล้ายคันธนู ใบเลื่อยมีความคมเป็นพิเศษ เพราะผลิตจากเหล็กกล้า ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา มีให้เลือกหลากหลายขนาด เช่น 12 , 21 , 24 และ 30 นิ้ว ใช้สำหรับตัดตกแต่งกิ่งไม้ ไม่ว่าจะเป็นกิ่งไม้สด กิ่งไม้แห้ง หรือใช้ตัดต้นไม้ขนาดเล็ก

circular_saw

เลื่อยวงเดือน (Circular Saw)

เป็นเครื่องมือช่างสำหรับงานไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ ช่วยให้ทำงานได้สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น แต่เนื่องจากใบเลื่อยมีความคม และอันตราย ผู้ใช้งานเลื่อยวงเดือนควรมีความชำนาญ หรือเข้าใจในงานตัด ก่อนการใช้งานควรศึกษาคู่มืออย่างละเอียด

วิธีการดูแลรักษา

  • หลังจากใช้งานเสร็จแล้ว ควรถอดใบเลื่อยแยก
  • ทำความสะอาดใบเลื่อย และทาด้วยน้ำมันเครื่องเพื่อป้องกันสนิม
  • ใช้ตะไบตกแต่งฟันเลื่อยให้คมอยู่เสมอ
  • จัดเก็บใส่กล่องเพื่อป้องกันความชื้น
  • หากพบว่าชำรุด ควรซ่อมแซมทันที และไม่ควรนำมาใช้งาน

ข้อควรระวังในการใช้งาน

  • ควรศึกษาคู่มือ ก่อนนำมาใช้งาน
  • ควรเลือกใช้เลื่อยให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน
  • ควรใช้แรงควบคุมอย่างระมัดระวัง เพราะอาจทำให้ชิ้นงานขาดได้
  • จับชิ้นงานให้มั่นคง เพื่อความสะดวก และความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
  • ควรเลือกใช้ใบเลื่อยให้เหมาะสมกับงาน และชิ้นงาน

Cr. https://www.dohome.co.th/th/dohome-guides/knowledge/saw/

Categories
บทความ

เลื่อยไฟฟ้าและเลื่อยยนต์ขนาดเล็กผิดกฎหมายหรือไม่

เลื่อยไฟฟ้าและเลื่อยยนต์ขนาดเล็กผิดกฎหมายหรือไม่

Categories
บทความ

การเลือกโซ่เลื่อยโซ่ยนต์ที่เหมาะสม

การเลือกโซ่เลื่อยโซ่ยนต์ที่เหมาะสม

Categories
บทความ

การตัดแต่งหลังเกิดพายุด้วยเลื่อยโซ่ยนต์

Categories
บทความ

7 เคล็ดลับที่ดีที่สุดของเราในการตัดกิ่งอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

Categories
บทความ

เลื่อยยนต์น้ำมัน กับ เลื่อยยนต์ไฟฟ้า คุณควรเลือกแบบไหน?

คุณคิดจะซื้อ เลื่อยยนต์ ตัวแรกของคุณใช่ไหม? แต่ไม่รู้ว่าจะเลือก เลื่อยยนต์น้ำมัน หรือเลื่อยนต์ไฟฟ้าดี? ถ้าเป็นแบบนั้นคุณควรอ่านบทความนี้ เพื่อจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ผมได้รวบรวมคู่มือเลื่อยยนต์ไฟฟ้า และเลื่อยยนต์น้ำมัน มาแบบให้คุณเข้าใจอย่างละเอียดด้านล่างนี้เลย


เลื่อยยนต์ไฟฟ้าทำงานอย่างไร? 

เลื่อยยนต์ไฟฟ้ามีอยู่ 2 ประเภทคือ แบบมีสาย และแบบไร้สาย และทั้ง 2 แบบนี้ใช้งานในลักษณะเดียวกันคือ การขับเคลื่อนด้วยโซ่ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างทั้ง 2 แบบนี้คือการขับเคลื่อนของตัวเลื่อยยนต์ไฟฟ้า เลื่อยยนต์ไฟฟ้าแบบมีสายต้องใช้ไฟฟ้าจากเต้าเสียบ ตอนใช้งาน แต่ในขณะที่เลื่อยยนต์ไฟฟ้าไร้สายทำงานด้วยแบตเตอรี่

เลื่อยยนต์

การทำงานของเลื่อยยนต์ไฟฟ้าคุณต้องรู้

เลื่อยยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า

มอเตอร์ไฟฟ้าไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวได้ เช่นเครื่องยนต์น้ำมัน ส่วนประกอบผลิตไฟฟ้าภายในที่เรียกว่า “กระดอง” จะแปลงพลังงานไฟฟ้า เป็นพลังงานกลในรูปของแรงบิด

แรงบิดจะถูกถ่ายโอนไปยังเพลาภายในเลื่อยยนต์ไฟฟ้า ที่ทำให้โซ่หมุนรอบไกด์บาร์


เลื่อยยนต์น้ำมันทำงานอย่างไร?

เลื่อยยนต์น้ำมันมีอยู่ 2 ประเภทคือ เครื่องยนต์ 2 จังหวะและเครื่องยนต์ 4 จังหวะ สำหรับวัตถุประสงค์ของคู่มือนี้ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวที่คุณต้องรู้ระหว่างทั้งสองคือ เลื่อยยนต์ 2 จังหวะกำหนดให้คุณต้องผสมน้ำมันหล่อลื่นกับน้ำมันเบนซิน และเทลงในถังเดียวเพื่อป้อนเครื่องยนต์ ส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิงนี้เป็นสิ่งที่หล่อลื่นส่วนประกอบของเครื่องยนต์อย่างเหมาะสม ส่วนเลื่อยยนต์ 4 จังหวะไม่จำเป็นต้องมีส่วนผสมของน้ำมันหล่อลื่น / น้ำมันเบนซิน เนื่องจากมีถังแยก 2 ถัง

เลื่อยยนต์

การทำงานของเลื่อยยนต์น้ำมันคุณต้องรู้

– น้ำมันเชื้อเพลิงเคลื่อนผ่านคาร์บูเรเตอร์ เพื่อผสมกับอากาศ

– ส่วนผสมของอากาศ / เชื้อเพลิงจะผ่านเข้าไปในกระบอกสูบ

– ภายในกระบอกสูบส่วนผสมของอากาศ / เชื้อเพลิงจะถูกจุดประกายโดยหัวเทียน

– เมื่อส่วนผสมของอากาศ / เชื้อเพลิงเผาไหม้จะปล่อยพลังงานที่ผลักลูกสูบไปมา

– ก้านสูบ และข้อเหวี่ยงจะแปลงการเคลื่อนที่ของลูกสูบเป็นการเคลื่อนที่แบบหมุน

– เพลาขับจะส่งกำลังไปที่คลัตช์

– คลัตช์แบบแรงเหวี่ยงเชื่อมต่อเครื่องยนต์กับโซ่ผ่านสเตอร์ ที่ทำให้หมุนรอบไกด์บาร์


ทำไมต้องเลือกเลื่อยยนต์ไฟฟ้า

ข้อดี 

– น้ำหนักเบา และกะทัดรัดทำให้คนทุกขนาดจับต้องได้ง่าย

– เงียบกว่าเลื่อยยนต์น้ำมัน และส่งเสียงดังเมื่อคุณดึงคันเร่งเท่านั้น

– เลื่อยยนต์ไฟฟ้า ไม่ต้องการน้ำมันเบนซินหรือทำให้เกิดกลิ่น

– เริ่มต้นด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว

– เลื่อยยนต์ไฟฟ้าเหมาะที่สุดสำหรับการแต่งต้นไม้ตัดแต่งกิ่งไม้ตัดท่อนไม้เล็ก ๆ และงานตัดอื่นๆ รอบๆ บ้านหรือสวนของคุณ

– ง่ายต่อการบำรุงรักษา เนื่องจากไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงผสมไส้กรอง เพื่อทำความสะอาด

– ง่ายต่อการจัดเก็บ เพียงแค่ปิดเลื่อยยนต์ไฟฟ้าถอดปลั๊ก หรือแบตเตอรี่ออก

– เลื่อยยนต์ไฟฟ้าแบบมีสายมีราคาถูก กว่าเลื่อยยนต์น้ำมัน ซึ่งมีราคาประมาณหนึ่งในสาม

– เลื่อยยนต์ไฟฟ้าแบบมีสายใช้งานได้ตลอดไปตราบเท่าที่เสียบปลั๊ก แต่เลื่อยยนต์ไฟฟ้าไร้สายจะถูก จำกัด ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่ (โดยปกติจะใช้เวลา 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง)

ข้อเสีย 

– เลื่อยยนต์ไฟฟ้าขาดความยาวของแท่ง และพลังในการตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ ใบเลื่อยไฟฟ้าที่ยาวที่สุดที่คุณจะพบในเลื่อยไฟฟ้าคือ 18 นิ้ว

– ตัดได้ช้ากว่าเลื่อยยนต์น้ำมัน และเหมาะที่สุดสำหรับการตัดแต่งจัดสวน และการตัดต้นไม้ขนาดเล็ก เลื่อยยนต์ไฟฟ้าแบบมีสายถูกจำกัด ด้วยความยาวของสายไฟ

– เลื่อยยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่จะใช้งานได้นานประมาน 1 ชั่วโมงโดยประมานและใช้เวลาระหว่าง 20 นาที ถึง 1 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นในการชาร์จแต่ละครั้ง


ทำไมต้องเลือกเลื่อยยนต์น้ำมัน

ข้อดี 

– เหมาะที่สุดสำหรับงานหนัก และจัดการงานที่คุณทำไม่ว่าจะเป็นการตัดแต่งกิ่งการตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ การหั่นฟืน เป็นต้น

– มีความยาวใบมีดยาวถึง 72 นิ้ว

– ตัดได้เร็วกว่าเลื่อยยนต์ไฟฟ้า

– เป็นอุปกรณ์พกพาที่ยอดเยี่ยม และสามารถใช้งานได้ทุกที่ ไม่จำกัด ระยะทางเหมือนเลื่อยยนต์ไฟฟ้า

– เลื่อยยนต์น้ำมันสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน หากคุณมีเชื้อเพลิงเพียงพอเท่านั้นเอง

ข้อเสีย 

– เลื่อยยนต์น้ำมัน หนักกว่าเลื่อยยนต์ไฟฟ้ามาก และจัดการได้ยากกว่าเป็นเวลานาน

– เลื่อยยนต์น้ำมัน ต้องการให้คุณเก็บเชื้อเพลิงไว้ในมือ และพกติดตัวไปด้วยขณะตัด

– เลื่อยยนต์น้ำมัน ต้องการส่วนผสมเฉพาะของน้ำมันเชื้อเพลิง และน้ำมันหากเป็นเครื่องยนต์ 2 จังหวะ

– เลื่อยยนต์น้ำมัน ส่งกลิ่น และพ่นควันออกมา

– เลื่อยยนต์น้ำมัน เสียงดังมาก และผู้ปฏิบัติงานควรสวมอุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน

– เลื่อยยนต์น้ำมัน มีราคาแพงกว่าเลื่อยยนต์ไฟฟ้า แต่เทียบได้กับราคาของเลื่อยยนต์ไฟฟ้าไร้สาย

– เลื่อยยนต์น้ำมัน ต้องการการบำรุงรักษาเครื่องยนต์เป็นประจำเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

– เลื่อยยนต์น้ำมัน ใช้สายในการดึงสตาร์ท ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากเมื่อเครื่องยนต์มีอายุการใช้งานมากขึ้น


แผนภูมิเปรียบเทียบ เลื่อยยนต์น้ำมัน กับ เลื่อยยนต์ไฟฟ้า

เลื่อยยนต์
เลื่อยยนต์ไฟฟ้าเลื่อยยนต์น้ำมัน 
น้ำหนักเบาและกะทัดรัดหนัก
เงียบและไม่มีการปล่อยเชื้อเพลิงเสียงดังและมีกลิ่นน้ำมัน
ใช้ไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่2 จังวะใช้น้ำมันผสม และ 4 จังวะใช้น้ำมันเท่านั้น
เริ่มต้นด้วยปุ่มเริ่มต้นด้วยการดึงสายไฟ
เหมาะสำหรับงานขั้นพื้นฐานเหมาะสำหรับงานหนักทุกประเภท
ค่อนข้างไม่ต้องบำรุงรักษาต้องการการบำรุงรักษาเป็นประจำ
ประเภทที่ถูกที่สุด (ถ้าเป็นรุ่นไฟฟ้าแบบมีสาย)ประเภทที่แพงที่สุด
ทำงานตลอดไป (หากเป็นรุ่นไฟฟ้าแบบมีสาย)ทำงานได้นานที่สุดเท่าที่คุณสามารถเติมน้ำมันได้
เข้าถึงได้ จำกัด (หากเป็นรุ่นไฟฟ้าแบบมีสาย)ไม่มีขีดจำกัดพื้นที่
ใบมีดสูงถึง 18 นิ้วเท่านั้นใบมีดสูงถึง 72 นิ้ว

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ว่าคุณจะเลือก เลื่อยยนต์น้ำมัน หรือ เลื่อยนต์ไฟฟ้า ให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ

Cr. https://itoolmart.com/blog/content/7d2n0

Categories
บทความ

เลื่อยยนต์ สตาร์ทติดยาก ต้องแก้ไขอย่างไร

ปัญหาของเลื่อยยนต์ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งสาเหตุของการเกิดอาจจะเกิดจากคุณภาพหรือการเสื่อมสภาพของเลื่อยยนต์ตามอายุการใช้งานหรือ อาจจะเกิดจากตัวผู้ใช้ที่อาจมีความรู้ไม่เพียงพอในส่วนของการใช้

เลื่อยยนต์เป็นอุปกรณ์ที่มีส่วนประกอบที่ทำงานเหมือนเครื่องยนต์รถทั่วไป มีการใช้คาร์บูเรเตอร์เพื่อจ่ายน้ำมัน มีกระบอกลูกสูบ มีหัวเทียนเพื่อการจุดระเบิด การบำรุงรักษา เลื่อยยนต์นั้นจึงต้องมีการคอยเช็คและตรวจสอบก่อนและหลังการใช้งานเสมอ สำหรับผู้ใช้บางคนอาจไม่มีความรู้ในการดูแลอุปกรณ์เลื่อยยนต์มากนักจึงอาจทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการสตาร์ทไม่ติด เครื่องยนต์เดินไม่ดี มีวิธีการแก้ปัญหาคือ


   1. ปัญหาเลื่อยยนต์สตาร์ทติดยาก อาจเกิดได้จากน้ำมันท่วมหัวเทียนสามารถแก้ไขโดยการถอดหัวเทียน แล้วใช้ลมเป่าหัวเทียนและน้ำมันในกระบอกสูบออกให้แห้งแล้วทำการประกอบกลับ แล้วเริ่มแย๊กน้ำมัน 10 ครั้ง ดึงโช๊คแล้วสตาร์ทไปจนรู้สึกว่าเครื่องกำลังจะติด แล้วหยุดดึงบีบคันเร่งโช๊คจะดีดกลับ (ไม่ต้องดึงโช๊คอีก) จากนั้นให้ลองสตาร์ทอีกทีถ้าไม่มีอะไรเลื่อยยนต์น่าจะติดได้ในไม่กี่ครั้ง

   2. ปัญหาการเร่งเครื่องแล้วเครื่องดับ อาจเกิดจากการจ่ายน้ำมันหรืออากาศที่ไม่เสถียร หรือเกิดจากคอยล์ไฟที่จ่ายไฟมาให้หัวเทียนเกิดความไม่เสถียร สามารถแก้ไขได้โดยการล้างทำความสะอาดคาร์บูเรเตอร์แล้วปรับจูนอากาศน้ำมันใหม่ แต่ถ้ายังไม่หายให้เปลี่ยนซีลข้อเหวี่ยงทั้ง 2 ข้าง

  3. ปัญหาเลื่อยยนต์เหมือนไม่มีแรง อาจเกิดจากแหวนรองลูกสูบภายในเสื้อสูบหลวม สามารถแก้ไขโดย การเปลี่ยนลูกสูบและแหวน หรือถ้าอาการหนักก็ต้องเปลี่ยนยกชุด แต่ต้องสังเกตูดูซีลข้อเหวี่ยงด้วยว่ารั่วหรือเปล่า ถ้าเปลี่ยนแล้วรับรองว่าเลื่อยยนต์ต้องกลับมามีแรงอย่างแน่นอน

วิธีการดูแลรักษาเลื่อยยนต์ให้ทนและใช้ได้นาน

1. หลังการใช้งานให้ทำความสะอาดใบเลื่อยทุกครั้ง

2. ทาน้ำมันกันสนิมที่ใบเลื่อยและตะไบแต่งใบเลื่อยให้คมอยู่เสมอ

3. เมื่อไม่ใช้เครื่องเกิน 5 วัน ให้ถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงออกจากถัง และสตาร์ทเครื่องจนดับ

CR : https://www.wongtools.com/content/16427/เลื่อยยนต์-สตาร์ทติดยาก-ต้องแก้ไขอย่างไร

Categories
บทความ

ใช้งาน เลื่อยตัดกิ่งไม้ อย่างไร? ให้มีประสิทธิภาพ

เครื่องมือช่างไม้ พื้นฐานเป็นคำถามมากมาย ของมือใหม่ กับเครื่องมือช่างที่เราควรจะใช้สำหรับงานไม้ ว่าเครื่องมือแบบไหนเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน รวมภึงเครื่องมือประเภทไหนที่จะตอบโจทย์ความต้องการของเราให้ชัดเจนได้ เพราะว่างานไม้นั้นเป็นงานค่อนข้างละเอียดอ่อน ทั้งนี้เครื่องมือช่างในตลาดก็แพงเหลือเกินบางคนต้องดูงบประมาณในส่วนนี้ด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำเครื่องมือช่างไม้ แบบง่ายๆสัก 8 ชิ้น ที่ผู้ที่จะเริ่มต้นต้องมีช่วยในการทำงานเบื้องต้นก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจก่อนว่าเครื่องมือพื้นฐานสำหรับการเริ่มต้นทำงานไม้ทุกประเภท มันมีความเชื่อมโยงกับเครื่องมือช่างในสายงานอื่นๆด้วย แต่จะแตกต่างไปในลักษณะงานเจาะจงนั้นๆ ที่ไม่เหมือนกัน โดยเครื่องมือช่างพื้นฐานที่เหมือนกัน เช่น ไขควง คีม ตลับเมตร ซึ่งเป็นเครื่องมือทั่วไป แต่เราขอยกตัวอย่าง ช่างก่อสร้างอาจต้องมี เครื่องผูกลวด ช่างไฟฟ้า อาจต้องมี คีมปอกสายไฟ และวันนี้เองเราจะมาดู 8 เครื่องมือช่างไม้ ที่เป็นเครื่องมือเฉพาะทางเลยทีเดียว…..เครื่องมือช่าง ที่ต้องมีสำหรับทำงานไม้1.กบไสไม้กบไสไม้ ถือเป็นเครื่องมือสำหรับงานไม้โดยเฉพาะ เพื่อใช้ในการขัดผิวไม้ให้เรียบตรงและได้ฉาก หรือปรับหน้าไม้ให้ได้ตรงตามที่คุณกำหนด และจะได้รูปทรงตามความต้องการ ในปัจจุบัน กบไสไม้ได้มีการพัฒนาโดยอาศัยเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้คุณใช้งานได้สะดวกและง่ายสำหรับผู้ที่มีทักษะในการไสไม้อยู่แล้วเครื่องมือช่าง2.ชุดสิ่วสิ่วมีหลกหลายชนิด เช่น สิ่วปากบางหรือสิ่วแต่ง นอกจากนี้ยังใช้สำหรับตกแต่งขูดผิวไม้หรือปากไม้ให้เรียบ และให้ได้รูร่องตามที่ต้องการ โดยสิ่วจะประกอบด้วยใบและด้าม ใบสิ่วทำจากเหล็กกล้ามีรูปทรงแบนและมีความบางที่ปลายคม ใบสิ่วที่มีคุณภาพจะคมกริบและไม่บิ่นง่าย โดยวิธีใช้งานจะใช้คมสิ่วกดลงไปในเนื้อไม้ จากนั้นให้คุณตอกหรือใช้แรงขูด และบังคับสิ่วไปในทิศทางที่คุณต้องการ การใช้งานในบางครั้งคุณควรใช้ค้อนช่วยในการตอก เพื่อให้สิ่วกินเนื้อไม้เล็กน้อย หลังจากนั้นคุณค่อยตกแต่งร่องรูตามที่ต้องการเครื่องมือช่าง3.เลื่อยมือเป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานอีกอย่างหนึ่ง ที่ใช้ตัดหรือซอยชิ้นงานไม้ให้ได้ขนาดตามต้องการ เลื่อยมือในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายชนิด แต่มีเลื่อยที่เหมาะสำหรับงานไม้ที่เราจะแนะนำมีอยู่ 3 ประเภทคือ เลื่อยลันดา โดยฟันของเลื่อยลันดา จะเป็นชนิดสำหรับในการตัดไม้โดยเฉพาะ เลื่อยฉลุ เป็นเลื่อยขนาดเล็ก ถูกออกแบบให้สะดวกในการบังคับทิศทางของใบเลื่อย เลื่อยลอ ใช้ใบเลื่อยแทรกในระหว่างปากไม้ เพื่อปรับปากไม้ให้เข้ากันได้สนิทนั่นเองเครื่องมือช่าง4.ค้อนงานไม้ค้อนหงอนเป็นเครื่องมือสำหรับตอก ตีตะปู อีกด้านจะมีหงอนไว้ถอนตะปูหรืองัด จึงนิยมมาใช้กับงานไม้ โดยค้อนอาจมีการออกแบบให้มีรูปร่างเหมาะสมกับงานช่างเฉพาะด้าน แต่มีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกัน คือ ด้ามจับและหัวค้อน เนื่องจากหัวค้อนทำจากโลหะทั้งอัน เพื่อให้เกิดแรงกระทบที่ตรงเป้าหมาย และสะดวกต่อการใช้งาน

เครื่องมือช่าง

ค้อนหงอน

5.สว่านเจาะเลือกใช้สว่าน และดอกสว่านให้เหมาะสมกับงานไม้ ที่สำคัญต้องคำนึงถึงไม้ที่คุณกำลังจะเจาะด้วย เพื่อที่ไม่จะไม่แตกร้าว และเสียหายต่องานที่คุณทำได้ เราแนะนำลักษณะปลายดอกจะคล้ายหางปลา เป็นดอกว่านที่ใช้สำหรับเจาะไม้ที่มีขนาดไม่กว้างนัก โดยขนาดที่นิยมใช้กันทั่วไปก็คือ ขนาด 5 6 8 หรือ 10 มิลลิเมตร เช่นใช้เจาะรูเพื่อใส่บานพับเหล็กบนประตู หน้าต่าง หรือเจาะรูเพื่อร้อยสายไฟต่างๆเครื่องมือช่าง6.อุปกรณ์ลับคมการลับคมบนหินน้ำ คือสิ่งที่คุณต้องการหากคุณใช้เครื่องมือช่างอย่างเป็นประจำ จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญมากๆ การลับมีดกับหินที่ดี ยกตัวอย่างช่างไม้ก็เช่นกัน สิ่วคม ช่วยได้เยอะมาก เพราะไม้บ้านเราแข็งมาก ไสไม้ไปไม่เกิน 10 นาทีต้องลับอีกแล้ว ถ้าเกิดไม่ลับลมละก็ เวลาใช้งานต่อไม่ได้ มันจะฝืด ไสไม้เหนื่อยกว่าเดิมนั่นเอง วิธีนี้เหมาะสำหรับทั้งมีด และเครื่องมือช่างของคุณ ความแข็งของเหล็กไม่เสื่อมสภาพเนื่องจากไม่มีความร้อนเกิดขึ้น โดยธรรมชาติแล้ว หินนั้นสามารถผลิตรูปทรงของคมตัดที่ไม่ยืดหยุ่น และแม่นยำได้นั่นเอง7.โต๊ะทำงานเครื่องมือทั้งหมดนี้สามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อคุณมีโต๊ะทำงานที่ดี สามารถเก็บเครื่องมือของคุณ และสามารถทำให้งานของคุณออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ โต๊ะทำงานที่แข็งแรง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับงานไม้ โต๊ะทำงานไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง ถ้าคุณเป็นช่างไม้อยู่แล้วเราคิดว่าคุณสามารถสร้างมันขึ้นมาได้เครื่องมือช่าง8.ปากกาจับชิ้นงาน หรือแคลมป์จับชิ้นงานปากกาจับชิ้นงาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์เชิงกลทั่วไปที่ใช้ยึดชิ้นงานไว้กับที่ เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับงานไม้  ปากกาจับชิ้นงานแบบตั้งโต๊ะ (หรือแท่นรอง/คีมจับโต๊ะ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยึดโดยตรงกับโต๊ะทำงานเพื่อยึดชิ้นงานระหว่างการทำงาน เช่น การเลื่อย การไส และการเจาะประเภทต่างๆเครื่องมือช่างสรุปเครื่องมือช่างไม้….แน่นอนว่ามันยากมากที่จะแนะนำชุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบให้กับคุณ เนื่องจากความต้องการของคุณจะเปลี่ยนแปลงไปตามงานที่คุณจะทำแต่เครื่องมือช่างไม้ ข้างต้นจะช่วยให้คุณสร้างทุกสิ่งได้สำหรับงานไม้แบบพื้นฐาน

เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องจับชุดเครื่องมือช่างพื้นฐานนี้คุณจะได้เรียนรู้มากมายจนรู้แน่ชัดว่าต้องซื้ออะไรต่อไปนั่นเองCr. https://tooltalking.com/เครื่องมือช่าง-งานไม้/